การประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan Sharing) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ระหว่างวันที่ 14 – 15 สิงหาคม 2568
ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
“ยกระดับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอัจฉริยะเพื่อการดูแลสุขภาพองค์รวม
Advancing Smart Service Plan for the Next Generation of Holistic Healthcare”
—————————————————————————————
การประชุม Service Plan Sharing ครั้งที่ 11
ภายใต้แนวคิด “ยกระดับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอัจฉริยะ เพื่อการดูแลสุขภาพองค์รวม”
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบบริหารจัดการในรูปแบบ
“เขตสุขภาพ” และ “ระบบบริการสุขภาพ (Service Plan)” เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพที่สำคัญ และเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน ครอบคลุม
26 สาขา โดยมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ ระดับเขตสุขภาพ
และระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 14–15 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนา “Service Plan Sharing” ครั้งที่ 11 พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กระบวนทัศน์ใหม่ของระบบสาธารณสุขในทศวรรษถัดไป” ภายใต้แนวคิด ยกระดับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอัจฉริยะ เพื่อการดูแลสุขภาพองค์รวม “Advancing Smart Service Plan for the Next Generation of Holistic Healthcare” การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน ประกอบด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลางและภูมิภาค วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคีเครือข่าย มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัย สมาคมวิชาชีพ และบุคลากรสาธารณสุขจากทั่วประเทศ โดยมีการนำเสนอผลงานทางวิชาการและนวัตกรรมจากทุกสาขา รวมถึงการมอบรางวัลผลงานวิชาการและนวัตกรรมดีเด่น จำนวน 51 รางวัล และรางวัลต้นแบบการยกระดับบริการสุขภาพของหน่วยบริการในรูปแบบ SAP “SAP AWARD” ครอบคลุมทั้ง 6 ระดับ ได้แก่ ระดับ Premium Plus , Premium , Academy Plus , Academy, Standard Plus และ Standard
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ หน่วยบริการต้นแบบที่มีการดำเนินการตามรูปแบบ SAP โดดเด่น ระดับละ 3 รางวัล รวม 18 รางวัล
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า นโยบาย Service Plan มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบบริการทุกระดับอย่างครอบคลุมและตอบสนองความต้องการ
ของประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราป่วย อัตราตาย ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย และสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุขไทยให้มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมี 25 สาขา และในปีนี้ได้เพิ่มอีก 1 สาขา คือสาขาวิสัญญี นอกจากนี้ยังได้เน้นแนวทางการยกระดับบริการสุขภาพให้ทันสมัยและยั่งยืน ผ่านการสร้างระบบสุขภาพเชิงรุก เพิ่มการเข้าถึงบริการแบบมีส่วนร่วม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ และพลิกโฉมระบบสาธารณสุขให้ตอบสนองประชาชนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ โดยใช้หลักการ “ท ท ท – ทำทันที ทำต่อเนื่อง ทำและพัฒนา”
การสัมมนาในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญ ที่ผู้บริหารและบุคลากรสาธารณสุขทุกสาขาวิชาชีพ ได้มาร่วมกันกำหนดทิศทาง วางแผนบูรณาการการให้บริการ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความสำเร็จจากแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามบริบทของแต่ละเขตสุขภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป.